เทศน์เช้า วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๗
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
ตั้งใจฟังธรรมะ วันนี้วันพระ วันพระวันโกนเป็นประเพณีของชาวพุทธ วันโกน พระเขาโกนหัว โกนหัวก็จะวันพระอุโบสถ เราชาวพุทธ เห็นไหม วันโกนเขาก็เตรียมจิตเตรียมใจของเขา วันพระเขาไปวัดไปวา ผู้แก่ผู้เฒ่า เวลาแก่เฒ่าแล้วไปอยู่วัดจำศีล จำศีลเพื่อหาสมบัติส่วนตน
เกิดมาเกิดมาในวัฏฏะ เกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา เกิดมามีชาติมีตระกูล เราก็อยู่ในวงศ์ตระกูลของเรา เชิดชูวงศ์ตระกูลของเรา เวลาชราภาพขึ้นมาเขาไปวัดไปวากัน นี่วัฒนธรรมของชาวพุทธ ถ้าวัฒนธรรมของชาวพุทธ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ถ้าสมควรแก่ธรรมนะ ธรรมะจะคุ้มครอง
เมื่อวานวันเฉลิมพระชนมพรรษา เวลาในหลวงท่านปราบดาภิเษก เห็นไหม เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขของชาวสยาม เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพราะท่านประพฤติธรรมไง ท่านประพฤติธรรม ท่านทำคุณงามความดีของท่าน เห็นไหม ธรรมะคุ้มครอง ไปอยู่ที่ไหนประชาชนล้อมรอบไปหมดเลย เวลาจะป้องกันอันตรายมันจะมีใครดีไปกว่าป้องกันด้วยมนุษย์ ด้วยคนด้วยกันเอง
เราจะปกครองแผ่นดินโดยธรรม เพราะท่านทำคุณงามความดีไง คนถึงซาบซึ้งในคุณงามความดีนั้นไง นี่ก็เหมือนกัน เราจะปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เราเกิดมาเป็นชาวพุทธ เราเกิดมาแล้ว เราเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ เพราะมนุษย์มีสมองนะ ตอนนี้ทางยุโรปเขากำลังฟ้องศาลกัน เขาจะฟ้องศาลกันว่าให้ลิงชิมแปนซีมีสิทธิเท่ามนุษย์
ความคิดของเขา เราคุ้มครองสัตว์ มีกฎหมายคุ้มครองสัตว์ก็กฎหมายคุ้มครองสัตว์สิ แต่กฎหมายคุ้มครองสัตว์มันก็เป็นสัตว์ใช่ไหม สัตว์มันจะดำรงชีพของมันอย่างไรล่ะ ดูสิ เวลาสภาวะแวดล้อมมันไม่ดี ไม่มีอาหาร นี่มันสูญพันธุ์นะ สูญพันธุ์ไปมหาศาลแล้ว ทีนี้การสูญพันธุ์ของเขาไปมันเป็นผลของวัฏฏะ ผลของวัฏฏะคือความเจริญขึ้นมา เราว่าสิ่งนี้เจริญขึ้นมามันก็ไปรุกรานธรรมชาติ ไปรุกรานของเขา
นี่ก็เหมือนกัน เราเกิดเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ความเป็นมนุษย์มีสมอง มนุษย์มีสมอง มีความรู้สึกนึกคิด นี่พันธุกรรมของจิต เวลาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ คนที่เวียนว่ายตายเกิด ผลของกรรม
อภิชาตบุตร บุตรที่เกิดมากับพ่อกับแม่ บุตรที่ดีกว่าพ่อแม่ เกิดมาแล้วพ่อแม่มีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข พ่อแม่มีแต่ความสุข เพราะเชิดชูวงศ์ตระกูล เวลาด้วยเวรด้วยกรรมมาเกิด ไม่ได้ดั่งเราคิดเลย ไม่ได้ดั่งเราคิดเลย สิ่งนั้นมันเป็นอย่างไรล่ะ สิ่งนั้นมันเป็นผลของวัฏฏะไง มันมีกรรมเก่ากรรมใหม่มา
ถ้ากรรมเก่ากรรมใหม่ พันธุกรรมของจิต ถ้าพันธุกรรมของจิต เราเกิดมา เกิดมาเป็นผลของวัฏฏะ แต่ถ้าเรามีสมองนะ เรามีสมอง เราศึกษาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาผู้ใดปฏิบัติสมควรแก่ธรรม เราสมควรแก่ธรรม เราทำบุญกุศลของเรา เราเสียสละทานของเรา ทำไมต้องเสียสละ เกิดมาก็ทุกข์ยากขนาดนี้แล้วยังต้องเสียสละ
การเสียสละคือสมบัติของเรา หาสมบัติให้ใจ หาสมบัติให้ใจ สิ่งที่ใจ ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เราจะไม่ได้สิ่งใดเลย สิ่งที่เราเกิดมาเราเกิดมาด้วยบุญกุศลนะ ถ้าไม่มีบุญกุศลมันจะไม่เกิดมาเป็นมนุษย์ ดูสิ เกิดเป็นมนุษย์ เขาว่าเกิดมาชาติเดียวมันไม่มีอีกแล้ว
เวลาเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ดูสิ เขาว่าเมื่อก่อนมนุษย์มันน้อย ทำไมมนุษย์มันมากขึ้น ไปดูสัตว์ในฟาร์มนะ ไปดูสัตว์น้ำ ไปดูสัตว์มันมหาศาลเลยที่มันยังไม่ได้เกิด ไปดูจิตวิญญาณที่จะเกิดอีกมหาศาลเลย เพราะในธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า เวลาการเวียนว่ายตายเกิดเปรียบเหมือนเต่าตาบอด เต่าตาบอดอยู่กลางทะเล แล้วเวลามันจะโผล่มาหายใจ ถ้ามันโผล่เข้ามาในบ่วง มันมีบ่วงบ่วงหนึ่ง ถ้าเต่าตัวนั้นมันมีโอกาสได้โผล่ในบ่วงนั้น เหมือนกับจิตวิญญาณที่จะเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ฉะนั้น เกิดเป็นมนุษย์มันมีค่ามากมหาศาลขนาดนี้
แล้วเกิดมาเป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนาด้วย พระพุทธศาสนานะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสร้างสมบุญญาธิการมาเป็นพระโพธิสัตว์ ๔ อสงไขย ๘ อสงไขย ๑๖ อสงไขย ทำให้จิตใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามั่นคง ทำให้จิตใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะค้นคว้า การค้นคว้า ธรรมะเหนือธรรมชาติ ธรรมะเหนือโลก ธรรมะเหนือโลกเพราะโลกคือวัฏฏะไง ถ้าสิ่งที่จิตใจจะมีกำลังที่เหนือโลก เหนือโลก
โลกคืออะไร? โลกธรรม ๘ โลกธรรม ๘ คือธรรมะเก่าแก่ สรรเสริญนินทานี่ของเก่าของแก่ มันมีมาแต่ดั้งเดิม มนุษย์มันเกิดขึ้นมามันก็มีการติฉินนินทามาตลอด เวลาสรรเสริญยกย่องเชิดชูขึ้นมา เชิดชูขึ้นมาเพื่อให้มันหลงให้มันใหลไปไง เชิดชู เห็นไหม แต่เพราะผู้มีคุณธรรม เชิดชูก็ไม่มีผลกับใจดวงนั้น ไม่มีผลเข้าไปสั่นไหวให้ใจดวงนั้นคลอนแคลนไปได้ นี่พระโพธิสัตว์ๆ จิตใจที่มีคุณธรรมมันมีคุณธรรมขนาดนั้น นี่พระโพธิสัตว์ที่เกิดขึ้นมา พอเกิดขึ้นมา พยายามศึกษาค้นคว้า ค้นคว้าในใจขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงสิ้นกิเลสไป เราจะสอนใครได้หนอ จะสอนใครได้หนอ มันลึกลับซับซ้อน มันลึกลับซับซ้อนจนมนุษย์จะรู้แทบไม่ได้ แต่คนที่สร้างสมบุญญาธิการมาจะรู้ได้
ทีนี้สร้างสมบุญญาธิการมาจะรู้ได้ ที่เราจะประพฤติปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เราเสียสละทานๆ ก็เพื่อสร้างอำนาจวาสนาบารมีนี้ไง ถ้าจิตใจเราเสียสละสิ่งนี้ไม่ได้ สิ่งที่เสียสละขึ้นไปโดยที่จิตคิดเป็นวิทยาศาสตร์ไง วิทยาศาสตร์ว่าเราเสียสละไป เราเป็นผู้เสีย คนอื่นเป็นผู้ได้ แต่ในทางธรรมๆ เราเป็นผู้ได้ เราเป็นผู้ได้เพราะเราฝึกหัดใจของเรา อาหาร ปัจจัย ๔ มันมี ดูสิ เศรษฐีมหาเศรษฐีเขามีทรัพย์สมบัติมหาศาล เขาใช้สอยก็ชีวิตของเขาเท่านั้นแหละ แล้วทรัพย์สมบัติเขาเอาไว้ทำอะไร เวลาคนหาได้ก็หาได้มานั่นแหละ แล้วเราหาไม่ได้ เราไม่มี เราจะทำบุญกุศลอย่างไร
อนุโมทนาทานไง อนุโมทนาทาน เห็นพระเดินผ่านมายกมือท่วมหัว สาธุ! เราคนทุกข์คนเข็ญใจ ไม่สามารถมีแม้แต่ข้าวทัพพีหนึ่งจะใส่บาตรได้ แต่เราก็มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ เราอนุโมทนา นี่พัฒนาหัวใจๆ ไง ถ้าพัฒนาหัวใจ เราไม่มีปัญญาที่จะเทียบเคียงใครได้ ไม่มีปัญญาเทียบเคียงได้ แต่เรามีน้ำใจ สมบัติของเราสมบัติคือน้ำใจไง
เวลาทุกข์ ใครเป็นคนทุกข์ล่ะ? หัวใจเป็นคนทุกข์ใช่ไหม แต่ถ้าเรามีน้ำใจ มีน้ำใจ เวลามันทุกข์แล้วมันไม่มีที่พึ่ง แล้วดูสมณะสิ ท่านสงบ ท่านสำรวมของท่าน ท่านภิกขาจารของท่าน ท่านบิณฑบาตของท่าน เราเห็นของท่าน พระสารีบุตรเห็นพระอัสสชิบิณฑบาตก้าวเดินไปด้วยความมีสติปัญญา
ถ้าเราเดือดร้อนนัก เราอยู่ทางโลกเราทุกข์ยากนัก ดูสิ เรามีสิทธิไง เราบวชได้ไง ถ้าเราบวชแล้วเราจะสงบสงัดอย่างนี้ได้ไหม? มันก็ไม่ได้ เพราะเวลาบวชไปแล้วหัวใจมันดิ้นรนไง หัวใจมันดิ้นรน
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม เราต้องมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา ถ้าเรามีศีล มีสมาธิ มีปัญญา เราฝึกหัดของเราไปอย่างนี้ เราไม่ต้องปฏิบัติแล้วเราจะเก็บเกี่ยวมรรคผลนิพพานเลย นิพพานอยู่แค่มือเอื้อมเลย นิพพานอยู่แค่มือเอื้อม
เวลาหลวงปู่มั่นท่านเทศนาว่าการ หลวงตาท่านนั่งฟังอยู่ด้วยนะ บอกว่านิพพานหยิบจับเอาได้เลย เพราะอะไร เพราะหลวงปู่มั่นท่านเป็นคนชี้บอก เป็นคนชี้บอกเลย ศีล สมาธิ ปัญญามันจะพัฒนาขึ้นมาอย่างไร มีสติ สติยับยั้งอย่างไร ยับยั้งแล้วจิตใจมันสมควรแก่การงานอย่างไร ถ้าสมควรแก่การงานแล้วยกขึ้น ยกขึ้นสู่วิปัสสนา
เราก็เหมือนกัน เราไปศึกษาวิชาชีพ เราบอกเราทำได้ทั้งหมดแหละ แต่มันได้ประโยชน์ไหม เวลาหลวงปู่มั่นท่านเทศนาว่าการ มรรคผลนิพพานหยิบจับได้เลย พอหลวงปู่มั่นเทศน์จบนะ ฟ้าปิดหมดเลย เพราะนึกด้วยตัวเองไม่ได้ เรานึกไม่ได้ แต่ผู้ที่เขามีสัจธรรมในหัวใจเขาชี้เอาได้เลย นี่ก็เหมือนกัน เวลาเรามีปัญญาของเรา เราจะเอาตามใจเราเลย แล้วเราจะเอาให้ได้เลย มันเป็นไปได้อย่างไรถ้ามันไม่พัฒนาของมันขึ้นมา ถ้าพัฒนามา เราถึงปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
ผู้ปฏิบัติธรรมนะ เราถือศีล ศีลต้องคุ้มครองเรา คนดี กลิ่นของศีลหอมทวนลม เรามีศีลมีธรรมของเรา ถ้ามีศีลมีธรรม เราขยับไม่ได้เลย นั่นกิเลสมันเดือดร้อน ถ้ามีศีลมีธรรม กิเลสมันเดือดร้อนหมดแหละ พูดจาโกหกก็ไม่ได้ สิ่งใดอะไรก็ไม่ได้ แล้วเราจะพูดอะไรก็โกหก เรารู้เอง เห็นไหม จะพูดอะไรก็โกหกไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้
แล้วตั้งใจไปโกหกอะไร เราไปโกหกใคร เราไม่ได้โกหกใคร เราไม่มีเจตนาสิ่งใดที่ทำให้เสียหาย แต่เราทำเพื่อประโยชน์ ทำเพื่อประโยชน์ เราทำเพื่อประโยชน์ได้ ถ้าทำเพื่อประโยชน์มันไม่ใช่ความเสียหายนั้น มันไม่มีผลกับอันนั้น
แต่ถ้าเรารักษาศีลของเรา ความปกติของใจ ความปกติของใจตรงไหน ความปกติของใจเวลาเรานั่งสมาธิ เวลาเราจะนั่งสมาธิ ทำความสงบของใจ ความลับไม่มีในโลก เราเป็นคนทำเอง ถ้ามันเป็นความขาดตกบกพร่องมันจะฟูขึ้นมาเลยล่ะ ความขาดตกบกพร่อง เราทำสิ่งใดที่ขาดตกบกพร่องมันจะฟูขึ้นมาเลย แล้วจะแก้ไขอย่างไร จะแก้ไขอย่างไร
ศีล ศีลคือความปกติของใจ ถ้าเรามีศีล มีศีล มีทานขึ้นมา เราจะภาวนาของเรา ถ้าภาวนา ภาวนาของเราเพื่อบำรุงหัวใจของเราไง
เวลาในหลวงท่านจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขของชาวสยาม นั่นน่ะเพื่อสังคม เพื่อประเทศชาติ เราก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย เราเป็นมนุษย์คนหนึ่ง เราเป็นชาวไทย เราก็เป็นคนหนึ่งในสังคมนี้ แต่เวลาประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เรานั่งสมาธิภาวนาของเรา สมบัติของเราๆ ถ้าเป็นธรรมขึ้นมา เธอจงมีธรรมเป็นที่พึ่งเถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งเลย แล้วทำอยู่ ศีล สมาธิ ปัญญาจะเป็นธรรม สติธรรม สมาธิธรรม ปัญญาธรรม ถ้าเรามีธรรมเป็นที่พึ่ง
ในชีวิตของเรา เราอยู่ในสังคมไทย เราก็อยู่ในสังคมนี้ เราปรารถนาเป็นคนดีของเรา เราทำสิ่งใดเป็นสุจริต ธรรมะคุ้มครองเรา ถ้าเราจะมาประพฤติปฏิบัติ เราจะนั่งสมาธิภาวนา ความลับไม่มีในโลก ความขาดตกบกพร่องในใจเรามีหรือเปล่า ถ้าความขาดตกบกพร่องในใจของเรามีมันก็ฟู ดูสิ มันส่งออกมันเครียด มันตึงเครียดของมัน พุทโธๆๆ ทับถมมันให้สิ่งใดมันเสมอภาคของมัน ถ้ามันเสมอภาคของมัน มันก็จะกลับมา
แล้วพอกลับมาสู่ใจของตัวเอง เห็นไหม ว่าจิตอยู่ที่ไหน จิตอยู่ที่ไหน เวลาพุทโธๆ เป็นอุบายทั้งนั้นแหละ กรรมฐาน วิธีการ ๔๐ วิธีการเพื่อทำความสงบของใจ ถ้าใจมันสงบแล้ว เพราะใจมันสงบขึ้นมา สุขอื่นใดเท่ากับจิตสงบไม่มี เราค้นหาทรัพย์ ทรัพย์สมบัติมหาศาลเลย มันมีนะ เวลาเศรษฐี แล้วเวลาประสบอุบัติเหตุต่างๆ เวลาตายไป ทรัพย์สมบัติมันช่วยเหลือเราได้ไหม? มันช่วยเหลือเราไม่ได้เลย
นี่ก็เหมือนกัน เวลาพุทโธๆ ถ้าจิตมันสงบแล้ว ทรัพย์สมบัติมันกองอยู่นั่น แต่ใจของเราสงบ อยู่ในบ้าน ดูสิ ข้าวของเงินทองมันเต็มบ้านเลย เวลาถ้ามันทุกข์มันยาก มันไปห่วงอาลัยอาวรณ์ไง อันนี้ก็ไม่มีใครดูแล อันนี้ก็ไม่มีใครรับผิดชอบ อันนู้นก็จะส่งต่อให้ใคร มันก็ทุกข์ยากอยู่นั่นน่ะ
เวลาจิตสงบเข้ามาแล้ว ข้าวของเงินทองมันก็เป็นของเราอยู่นั่นแหละ แต่จิตมันปล่อยวางเข้ามา แล้วข้าวของเงินทองที่จิตมันไม่สงบมันให้ความสุขเรามากน้อยขนาดไหน เวลามันจิตสงบเข้ามา โอ้โฮ! มันมหัศจรรย์ขนาดไหน สมบัติของเราๆ มันอยู่ที่นี่ ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ถ้าจิตมันสงบแล้ว แล้วมันออกฝึกหัดใช้ปัญญา มันจะเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์เลย
เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมานะ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ สอนตั้งแต่พรหมลงมา สอนหมด องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก ในบรรดาสัตว์สองเท้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประเสริฐที่สุด เราจะเห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์ เพราะความเป็นคุณค่าของมนุษย์ ถ้ามองทางโลก มนุษย์ต้องมีอาหาร มนุษย์ต้องมีปัจจัยเครื่องอาศัย ถ้ามนุษย์ไม่มีปัจจัยเครื่องอาศัยมันจะเกิดความทุกข์ยาก นี้ปัจจัย ๔ นี่ปัจจัย เรามอง เพราะมองเรื่องร่างกาย เพราะมันมีความบีบคั้น เราจะต้องแสวงหา เราต้องมีอาหาร ต้องมีปัจจัยเพื่อดำรงชีวิต นี่มันบีบคั้นไง เทวดา อินทร์ พรหมเขาไม่มี
เทวดา อินทร์ พรหมนะ เวลาในอายุขัยของเขา แสง เขากินวิญญาณาหาร ผัสสาหาร อาหารที่เป็นทิพย์ เขามีพร้อม นึกอะไรก็ได้อย่างนั้น ทุกอย่างก็พร้อมไปหมดเลย เขาก็เพลิดเพลินของเขา แต่ของเรา หิวข้าว ร้อน หนาว มันเตือนตลอด เวลาคนตายไป ยมบาลถามว่า ได้เคยเจอธรรมะไหม
ไม่เคยเห็น ไม่เคยฟัง ไม่เคยเข้าวัดเลย
เห็นคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายไหม
เห็น
นั่นแหละธรรมะ ธรรมะมันเตือนไง
ร่างกายของเรา เพราะเราเกิดเป็นมนุษย์ เรามีร่างกายมันคอยเตือนเราไง ถ้ามีสติปัญญา อาหารก็มีมหาศาล เก็บไว้ ๑ มื้อ ถ้ากินไม่หมดมันก็เน่าเสีย อาหารมันก็ของชั่วคราว แล้วเวลาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเข้ามาสู่ใจของเรา ถ้ามันทำได้ ถ้ามันทำได้ถ้าจิตมันสงบเข้ามา กายกับใจๆ เวลามันเห็นใจ เวลาว่าจิตอยู่ไหน เวลาประพฤติปฏิบัติ จิตอยู่ไหน มันเป็นอุบาย อุบายทำให้เราฝึกหัด ถ้าเราฝึกหัดใจของเราแล้ว แล้วถ้ามันชำนาญการแล้ว มันชำนาญแล้วมันควบคุมได้หมด รู้เลยว่าจิตอยู่ไหน กำหนดได้ ทำได้ ทุกอย่างรู้จักเลยว่าอยู่ที่ไหน เพราะอะไร เพราะจิตตั้งมั่น เอกัคคตารมณ์ จิตตั้งมั่น จิตตั้งมั่น จิตถึงเป็นผู้ทำงาน
ถ้าจิตไม่ตั้งมั่น จิตไม่มีหลักมีเกณฑ์ คนที่ทำงานแล้วคือสัญชาตญาณ คือเงา คือเงาไง คือสัญชาตญาณของมนุษย์มีธาตุ ๔ และ ขันธ์ ๕ มนุษย์เกิดมามีกายกับใจๆ แต่ใจอันนี้มันโดนอวิชชาครอบงำไว้ แล้วมันก็คิดไปตามประสามัน ไปศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ว่าเป็นของเรา ไปกล่าวตู่ ไปฉ้อฉลว่าเป็นของเรา
แต่ถ้ามันเป็นความจริงๆ พระสารีบุตรไม่เชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไปฟ้ององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเรียกพระสารีบุตรมา เธอว่าอย่างนั้นจริงๆ หรือ
แต่ก่อนเชื่อมากนะ เพราะตอนที่เป็นมานพ ๒ คน ไปดูการละเล่นฟ้อนรำ ทีแรกก็มีความสุข ดูไปดูมามันจืดมันชืด ไม่มีทางออก ปรึกษากันแล้วไปหาสัญชัย ไปอยู่กับสัญชัย ศึกษากับสัญชัยจนหมดความรู้ของสัญชัย มันยังแก้กิเลสไม่ได้ สัญญากันไว้ ๒ คน มานพ ๒ คนสัญญากันไว้ว่าถ้าใครมีทางออกต้องบอกกันนะ อย่าทิ้งกันนะ แล้วมานพนั้นไปเห็นพระอัสสชิเดินบิณฑบาตอยู่ ไปถามเลย ถามว่าใครเป็นศาสดา เขาสอนอย่างไร
เราเป็นผู้มีปัญญาน้อย องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนบอกว่าทุกข์สุขทั้งหลายมันต้องมีเหตุที่มา ทุกข์สุข ความเป็นไปจริงๆ มันต้องมีเหตุ ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ไปดับที่เหตุนั้น ย้อนกลับมาที่เหตุนั้น พระสารีบุตรเป็นพระโสดาบันขึ้นมา ไปบอกพระโมคคัลลานะด้วยกัน มานพ ๒ คนที่สัญญากันไว้ พอไปพูดให้พระโมคคัลลานะฟัง พระโมคคัลลานะใช้ปัญญาไตร่ตรอง ฟังแล้วไม่ได้เป็นหรอก ใช้ปัญญาไตร่ตรอง ศีล สมาธิ ปัญญา ใช้ปัญญาไตร่ตรองแทงทะลุถึงได้เป็นพระโสดาบัน แล้วพระโสดาบัน ๒ องค์ไปเฝ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฝึกฝนขึ้นมาจนเป็นพระอรหันต์ ทำไมมันจะไม่เคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะได้ธรรมนี้มาเพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ทำไมไม่เชื่อเราล่ะ
ไม่เชื่อ เพราะความเชื่อ เพราะเชื่อเป็นศรัทธาไง แต่เพราะปัญญาที่ไตร่ตรอง ปัญญาที่แทงทะลุต่างหากมันเป็นปัญญาเป็นความจริง เชื่ออันนี้ เชื่อความจริงอันนี้นะ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าจริง ถูกต้องๆ
นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราประพฤติปฏิบัติของเรามันต้องมีคุณธรรมสิ มันต้องมีความจริงของเราสิ จิตสงบแล้วๆ จิตสงบแล้วมันถึงออกฝึกหัดใช้ปัญญา แล้วถ้าปัญญามันแทงทะลุ แทงทะลุเข้าไป จะเป็นสมบัติของจิตดวงนั้น
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จิตดวงนั้นๆ แล้วจิตดวงนั้นคือใครล่ะ จิตดวงนั้นก็อยู่ในหัวใจ อยู่ในร่างกายเรานี่ไง ร่างกายของใครมีสติมีปัญญาที่เกิดเป็นมนุษย์ เกิดเป็นมนุษย์แล้วมีสติปัญญา ศึกษาธรรมะเป็นนามธรรม แล้วจะไปจับต้องเอาตรงไหนล่ะ
เราศึกษาทางวิทยาศาสตร์ เราศึกษาทางโลกมันมีผลวิจัย มันมีผลทุกอย่าง มันมีทางการวิจัยเขารองรับหมดเลย แล้วศึกษาธรรมะ แล้วศึกษาปฏิบัติธรรมว่าสมบัติของเราๆ แล้วเอาอะไรมารองรับล่ะ
ปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก ความรู้จริงอันนั้น แล้วความรู้จริงอันนั้นเทียบเคียงได้กับครูบาอาจารย์ที่ท่านรู้จริง ท่านตรวจสอบกัน มันเป็นความจริงอันนั้น จริง ความจริงต้องพูดได้สิ ความจริง เห็นไหม ดูสิ ทองคำไม่กลัวไฟ ทนการพิสูจน์ ทนการตรวจสอบ ยิ่งตรวจสอบ ยิ่งพิสูจน์ ยิ่งใส ยิ่งสว่าง ยิ่งสะอาด ยิ่งบริสุทธิ์ นี่ผู้รู้จริงกับผู้รู้จริงเขาสนทนาธรรมกัน ธมฺมสากจฺฉา เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํเป็นมงคลอย่างยิ่ง เอวัง